4 เรื่องของโลกอนาคตที่ธุรกิจไทยต้องรู้ทันและปรับตัว Kongstory
.
โลกอนาคต กับคนทำธุรกิจในยุคดิจิตอล จะต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกและพฤติกรรมของคนนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างไร คนทำธุรกิจควรที่จะรู้เรื่องและปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ อายุน้อยร้อยล้านขอยก 4 เรื่องที่สำคัญกับนักธุรกิจไทย ที่ถ้าคุณรู้ตอนนี้แล้วปรับตัวได้ก่อน คุณคือคนที่กำลังวางแผนในอนาคตจต่อจากนี้ไป
.
1. เทรนด์ Bitcoin
กระแสร้อนแรงของเหรียญเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เหรียญที่มีมูลค่า โดยเฉพาะ "Bitcoin" ที่ราคาเทรดพุ่งสูงถึง 2 ล้านบาท และมีราคาผันผวนอยู่หลายครั้ง แต่ก็มีผู้นำธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลกเปิดให้ใช้ Bitcoin ในการทำธุรกรรมได้แล้ว
.
เพราะการใช้เงินดิจิทัล สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อย่างไร้พรหมแดน โอนเงินซื้อขายได้ทั่วโลก และเสียค่าธรรมเนียมในการโอนค่อนข้างต่ำมาก ๆ เพราะไม่จำเป็นต้องโอนผ่านบริษัทบัตรเครดิตหรือผ่านธนาคาร โดยที่เสียค่าธรรมเนียมและใช้ระยะเวลาในการทำธุรกรรมค่อนข้างนาน
.
ยกตัวอย่าง
Paypal ประกาศรับ เงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แล้ว คนที่มีบัญชี กว่า 300 ล้านบัญชี สามารถซื้อขาย Bitcoin ได้ และทำให้ร้านค้าจากทั่วโลกใน Paypal สามารถรับชำระเงินดิจิทัลได้อีกด้วย
.
ประโยชน์ของเงินดิจิทัล (Cryptocurrency )
✅ ซื้อ-ขาย หรือทำธุรกรรมการเงินข้ามประเทศได้ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องโอนผ่านบริษัทบัตรเครดิตหรือผ่านธนาคาร ทำให้เสียค่าธรรมเนียมในการโอนค่อนข้างต่ำมาก ๆ ในปัจจุบันมีบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่ง และในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังศึกษาระบบชำระเงินดิจิตอล เพราะจะทำให้การซื้อ การชำระเงินผ่อน หรือการเช่าคอนโดเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่ 30 นาที ก็สามารถโอนเงินข้ามประเทศได้เลย
✅ ระดมทุนหาเงินได้ทั่วโลก ยกตัวอย่าง งานกุศลระดมทุนเพื่อหาเงินช่วยเหลือ ก็สามารถทำระบบ QR Cord สำหรับโอนเงินระบบดิจทัลได้ทั่วโลก
✅ สร้างรายได้ สร้างอาชีพได้ทั่วโลก เป็นโอกาสสำหรับคนที่ทำงานข้ามประเทศ เช่น Freelancer , Digital Nomad แต่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แต่ไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารนอกประเทศไทย ก็สามารถทำงานแล้วรับเงินค่าจ้างเป็นเงินดิจิทัลได้ทั่วโลก
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/ZUuKON07vSw
2. โลกเปลี่ยนแปลงเร็วและดีกว่าที่คิด เพราะเทคโนโลยี
อดีตเป็นยุคของความอยู่รอด แต่อนาคตคือยุคของการเปลี่ยนแปลง
หากนับการเปลี่ยนแปลงตาม Generation ก็จะพบว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้น นับตั้งแต่ยุค Baby Boomer และ Gen X ที่ทุกคนล้วนแต่คิดถึงการเอาตัวรอดจากสงคราม ภัยธรรมชาติ และอาหารที่ขาดแคลน แต่พอเข้าสู่ยุค Gen Y เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาท เป็นสิ่งที่ทำให้ในอดีตที่เคยขาดแคลนทั้งหมด กลับมาเข้าถึงได้กับคนทุกคนมากขึ้น
.
ในอดีตมนุษย์เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่คอยแจ้งเตือนภัยธรรมชาติเพื่อช่วยลดการเสียชีวิต หรืออาหารที่กำลังจะขาดแคลนเพราะจำนวนประชากรที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในการแก้ปัญหา เช่น แฮมเบอร์เกอร์ที่ทำจากพืช
.
เทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงและดีกว่าเก่า
การเป็นอยู่ของคนเราจะดีขึ้นได้เรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่เคยขาดแคลนมันจะไม่คลาดแคลนอีกต่อไป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ เรื่องการสื่อสาร เมื่อก่อนการสื่อสารจากระยะไกลเป็นเรื่องที่ยากและมีราคาแพง แต่ปัจจุบันสามารถติดต่อกันได้ทั่วโลกด้วยอินเตอร์เน็ต
.
เตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตอย่างไร
อย่ายึดติดกับ Mindset แบบเดิม ๆ เพราะสิ่งที่เคยทำได้สำเร็จแล้วในวันนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะสำเร็จในอนาคตเสมอไป สิ่งที่ต้องทำคือการปรับตัวที่จะ Unlearn ไม่ยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิม ๆ แล้วหันมา Relearn สิ่งใหม่ ๆ ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในอนาคต หลายธุรกิจอยู่ไม่รอดเพราะกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/GjV79amTI30
3. ผู้ชนะ คือคนที่เข้าใจเทคโนโลยีและนำมาเปลี่ยนแปลง
โลกอนาคต คือยุคของ "The Internet Century" โลกที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้าถึงคนทุกคน และเป็นตัวแปรสำคัญในการทำธุรกิจ คนที่เรียนรู้และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ คือผู้ชนะในโลกธุรกิจ หรือที่เรียกกันว่า Exponential Winner
.
เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่กำลังทำให้คนทั่วทุกมุมโลกใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ทุกคน และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด The Internet Century
✅ SpaceX – โครงการดาวเทียมอินเทอร์เน็ตที่ชื่อว่า Starlink ด้วยการยิงอินเตอร์เน็ตตากดาวเทียม
✅ Google – โครงการชื่อ Google Loon Project บอลลูนที่ปล่อยสัญญานอินเตอร์เน็ตรอบโลก
✅ Facebook – โครงการชื่อ Internet.org ติดสัญญานอินเตอร์เน็ตไว้ครับโดรน
.
หากอินเตอร์เน็ตสามารถใช้งานได้ทั่วทุกมุมโลก ในอนาคตจะมีกลุ่มคนอยู่ 2 กลุ่ม คือ Exponential Winner คนที่เข้าใจเทคโนโลยีและสามารถนำมาเพิ่มความสามารถทางธุรกิจได้ กับ Exponential Loser คนที่ไม่สามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
.
ยกตัวอย่าง Exponential Winner
ในทุก 10 วินาที บริษัท Apple สามารถทำงานได้1.7 ล้านบาท จากเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต หรือ บริษัท Google สามารถทำเงิน 700,000 บาท ในทุก 10 วินาที เช่นกัน
.
ยกตัวอย่าง Exponential Loser
ค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ทำเงินได้เพียง 6 สตางค์ ในทุก 10 วินาที เพราะยังไม่เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ จนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/AWM0Xj6YxbI
4. Disruption VS Innovation ปลาฉลาด กินปลาโง่
สมัยก่อนคนเรามักจะพูดถึง Innovation การพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดียิ่งขึ้นไป แต่เมื่อเทคโนโลยีเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โลกจึงเข้าสู่ยุคของ Disruption คือการสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาทดแทนสิ่งเก่า ยกตัวอย่าง พลังงานไฟฟ้าที่ให้ความสว่างมากกว่า ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเทียนไข ต่อให้มีเทียนไข 1,000 แท่ง ก็สู้ไฟฟ้าไม่ได้
.
เพราะฉะนั้น ในโลกอนาคตที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงและถูกการ Disruption ที่ดีกว่าอยู่เสมอ ควรให้ความสำคัญ
.
Disruption เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนให้เปลี่ยนไป
✅ Facebook ก็เป็นการ Disruptionของการสื่อสาร ทำให้คนเปลี่ยนวิธีการพูดคุย หรือแชร์ข้อมูลผ่านทางออนไลน์ แทนการคุยโทรศัพท์
✅ รถยนต์พลังไฟฟ้าที่มีระบบ AI จะส่งผลต่อการ Disruption กับคนขับรถยนต์ในอนาคตเช่นกัน เพราะเทคโนโลยีจะทำให้กลายเป็นรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งเป็นการมาแทนที่อาชีพของคนขับรถได้
.
และสิ่งที่สำคัญที่สุดในยุค Disruption นั้นก็คือ “Data” ใครที่รู้ข้อมูลและ insight ลูกค้ามากกว่า จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่า และเป็นผู้ชนะในเกมธุรกิจ
ชมเนื้อหาฉบับเต็ม : https://youtu.be/VDiHOzrTbqE
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS #อายุน้อยร้อยล้าน #Business #100NEWS #technology #Bitkub